ปัญหาของสีเจล เช่นหดย่น หรือหลุดร่อน ต่างๆ
เกิดได้จากหลายสาเหตุมากๆนะครับ
ผมขอแยกเป็น 2 สาเหตุหลักๆ คือ
1 สาเหตุจากอุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กับสีเจล
2 สาเหตุจากการใช้งานของช่างผู้ทำ
ขออธิบายรายละเอียดเป็นข้อๆ ดังนี้
สาเหตุมาจากอุปกรณ์ที่ใช้
1 สีเจลที่ใช้ อาจไม่เข้ากับตัว Base , Top
2 คุณภาพของ Base , Top ไม่ดีพอ หรือไม่เข้ากับสีเจล
3 เครื่องอบเจลมีวัตถ์น้อยไป ทำให้สีไม้แห้ง หรือแห้งไม่ถึงด้านล่าง
4 เครื่องอบเจลหลอดเสื่อมลง ทำให้สีเจลไม่แห้ง หรืแห้งไม่ทั่วถึง
5 อุปกรณ์เตรียมหน้าเล็บ ไม่สะอาด เช่น ที่ดุนหนัง ตะไบ เครื่องอบ
6 มีความมันติดอยู่กับอุปกร์เตรียมหน้าเล็บ
7 เนื้อสีเจลติดเม็ดฝุ่นจากการใช้งานระหว่างทาสีเจล
สาเหตุมาจาก การทำงานของช่างผู้ทำ
1 การเตรียมหน้าเล็บไม่สะอาด
การเตรียมหน้าเล็บก่อนทาสีต้องสะอาดมากที่สุด เท่าที่ช่างจะสามารถทำได้ ไม่ควรให้มีสิ่งสกปรกอยู่บนพื้นหน้าเล็บ เช่น ความมัน เศษขอบหนัง เศษฝุ่น เพราะเศษสิ่งสกปรกดังกล่าว จะเป็นสาเหตุเริ่มต้นให้สีเจลเกิดปัญหาต่างๆตามมา และเวลาทาสีสิ่งสกปรกจะติดแปรงทาเข้าไปในขวดสีเจล ทำให้สีเจลในขวดมีปัญหาไปด้วย
2 การเตรียมพื้นหน้าเล็บไม่ดีพอ
พื้นเล็บปกติแต่ละคนจะมีความมัน และคราบหนัง สิ่งสกปกติ แตกต่างกันไปตามกรรมพันธ์และการใช้ชีวิต
หน้าที่ของช่างคือเตรียมหน้าเล็บให้สะอาดที่สุด มีความมัน เศษหนังน้อยที่สุด และมีพื้นผิวเล็บที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทาสีเจลมากที่สุดเท่าที่ทำได้
(อ่านการวิธีการเตรียมหน้าเล็บด้านล่าง หัวข้อการสีเจลที่ถูกต้อง)
3 การทาสีเจลที่ไม่ถูกต้อง
ทาหนา ทารอบเดียวหนาๆ ทาบางบ้างหนาบ้างในเล็บเดียว ทาเกินขอบเล็บ ทากินขอบหนัง ทาไหลไปข้างเล็บ ทาไหลไปในซอกเล็บ ทาไหลไปโคนเล็บ ทาไหลไปปลายเล็บ ทาสีเกินแล้วไม่เก็บขอบเล็บก่อนอบ ไม่ทาเก็บด้านปลายเล็บ ทาช้ามากๆจนสีไหลไปด้านใดด้านนึง การทาดังกล่าวล้วนเป็นสาเหตุให้สีเจลมีปัญหาตามมาในไม่ช้าอย่างแน่นอน
-ควรเข้าใจเนื้อสีเจลแต่ละยี่ห้อที่เราใช้ เพราะสีเจลแต่ละยี่ห้อมีเนื้อสีที่ต่างกันตามเกรดวัตถุดิบ และเชดสี เช่นสีกากเพชรมีความหนึดสูงก็ควรทาบางๆ และเกลี่ยให้มีความหนาบางใกล้เคียงกับทั่วหนาเล็บ หรือสีที่มีเนื้อสีเป็นแป้งเข้มข้น ก็ความทาบางๆ เพียงสองชั้น แต่สีที่มีความโปร่งใสหรือค่อนข้างเหลว ก็ควรทาบางๆเช่นกัน แต่ควรทาสามชั้นเพื่อให้สีชัดเจลขึ้น เป็นต้น
4 การอบสีเจลที่ไม่ถูกต้อง
-ควรตรวจเช็คเครื่องอบว่าอยู่ในสภาพดี ไฟติดทุกหลอด ไม่มีสีติดอยู่ที่หลอดไฟ หรือมีฝุ่นในเครื่อง และถ้าหลอดไฟเสื่อมก็ควรเปลี่ยนเครื่อง (ข้อสังเกตุหลอดไฟเสื่อมคืออบแล้วสีไม่เซ็ตตัว หรือแห้งช้าลง)
-ทาสีเสร็จควรเข้านำเครื่องอบในทันที เพราะยิ่งช้าจะทำให้สีไหล หนาบางไม่เท่ากัน สีก็จะแห้งไม่เท่ากัน โดยเฉพาะในส่วนที่หนากว่า ก็จะทำให้สีหดหย่น หรือร่อนออกในไม่กี่วันต่อมา
-เวลานำมือเข้าเครื่องอบ ควรวางมือให้นิ้วรับแสงไฟทั่วถึงทั่วหน้าเล็บ เพราะสีโดนแสงไม่ทั่ว สีก็จะหดย่น
-เวลานำมือเข้าเครื่องอบ ควรระวังนิ้วโป้ง และนิ้วก้อย ไม่ควรให้เอียงลง หรือคว่ำลง เพราะจะไม่โดนแสง หรือโดนแสงเพียงครึ่งเดียว ก็จะทำให้สีไม่แห้ง และหดย่น
-ถ้าเครื่องอบมีขนาดเล็ก หรือไม่มีหลอดไฟอยู่บริเวณด้านข้างด้านในเครื่องอบ ก็ควรอบสี่นิ้วก่อน แยกเอานิ้วโป้งมาอบที่หลังเพียงนิ้วเดียวจะดีกว่า จะได้แห้งได้ทั่งถึง
-ควรใช้เวลาอบที่เหมาะสม
เช่น เครื่องอบ LED สีจะเซ็ตตัว 30-60 วินาที
เช่น เครื่องอบ UV สีจะเซ็ตตัว 60-120 วินาที
- เวลาอบสีเจล พยายามอย่าให้เครื่องอบดับกลางคัน เช่นอบไป 5วินาที แล้วดับ ลืมปล่อยไปสักพัก และมาอบใหม่อีกครั้ง สีก็จะหดย่นอย่างแน่นอน ควรอบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสีจะเซ็ตตัว ดีที่สุด
- อย่างนำนิ้วไปจับระหว่างการทาBase ทาสี เพราะอาจมีเศษฝุ่น ความมัน สิ่งสกปรกไปติด ควรอบตามเวลาที่ตั้งไว้จนสีเซ็ตตัว ไม่ควรไปจับ
5 การเก็บรักษา ดูแลขวดสีเจลไม่ถูกต้อง
ขวดสีเจล แปรงสีเจลต้องสะอาด